ปั๊มน้ำอัตโนมัติแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร

ปั๊มน้ำอัตโนมัตินั้นมีมากมายหลากหลายรูปแบบและหลากหลายแบรนด์ให้เลือก ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีดีไซน์และเทคโนโลยีแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร รูปแบบที่ได้รับความนิยมมักจะเป็น 3 รูปแบบหลักนี้เสมอ ซึ่งก็คือปั๊มแรงดันอากาศ (ถังกลม) ปั๊มแรงดันคงที่ (ถังเหลี่ยม) และปั๊มอินเวอร์เตอร์

1. ปั๊มน้ำอัตโนมัติแรงดันอากาศ (ปั๊มถังกลม)
ข้อดี ให้แรงดันมาก น้ำพุ่งแรง ราคาถูก อะไหล่หาง่าย สามารถตั้งกลางแจ้งได้
ข้อเสีย อาจผุกร่อนได้ไว โดยเฉพาะบริเวณถังและข้อต่อ ทำให้เกิดการรั่วซึมได้ง่าย มีเสียงดังมากกว่าปั๊มแบบอื่น แรงดันน้ำไม่สม่ำเสมอ

2. ปั๊มน้ำอัตโนมัติแรงดันคงที่ (ปั๊มถังเหลี่ยม)
ข้อดี สามารถรักษาแรงดันน้ำให้เท่ากันได้ทุกก๊อก ทำงานเสียงเบา โอกาสที่จะผุกร่อนค่อนข้างต่ำหากเทียบกับถังกลม
ข้อเสีย แรงดันน้ำไม่แรงเท่าถังกลม มีราคาค่อนข้างสูง อะไหล่หายาก

3. ปั๊มน้ำอัตโนมัติแบบอินเวอร์เตอร์
ข้อดี แรงดันน้ำคงที่ สม่ำเสมอ เสียงเบา สามารถปรับแรงดันได้ ประหยัดไฟ
ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง อะไหล่หายาก และตอนซ่อมมักต้องส่งศูนย์เป็นหลัก

5 ปัจจัยในการเลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติในครัวเรือนที่ควรรู้

1. รูปแบบของที่พักอาศัย

ที่พักอาศัยจะเป็นปัจจัยหลักในการนำมาคำนวณหากำลังวัตต์ของปั๊ม โดยจะให้ความสำคัญกับความสูงของที่พักเป็นหลัก เช่น บ้านชั้นเดียว บ้าน 2 ชั้น บ้าน 3 ชั้น บ้าน 4 ชั้นขึ้นไป

หากเราใช้ปั๊มที่มีกำลังแรงเกินไป อาจทำให้มีการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ และในบางครั้งหากเป็นบ้านเก่าหรือมีการต่อท่อประปาภายในบ้านไม่ดี การที่ท่อเจอน้ำแรงดันสูงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการรั่วซึมหรือแตกหักได้

2. จำนวนจุดการใช้น้ำในบ้าน

นอกจากรูปแบบของที่พักอาศัยแล้ว จำนวนจุดที่ใช้น้ำเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาคิดกำลังวัตต์ของปั๊มน้ำอัตโนมัติได้เช่นกัน โดยมีการคิดวัตต์ร่วมกับรูปแบบของที่พักอาศัย การแนะนำวิธีคิดวัตต์ปั๊มน้ำอัตโนมัติมีดังนี้

บ้านไม่เกิน 2 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 จุด ควรใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ขนาด 100 วัตต์
บ้านไม่เกิน 2 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง ควรใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ขนาด 150 วัตต์
บ้านไม่เกิน 3 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 2 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง ควรใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ขนาด 200 วัตต์
บ้านไม่เกิน 4 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 3 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง ควรใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ขนาด 250 วัตต์
บ้านไม่เกิน 4 ชั้น ใช้น้ำพร้อมกัน 3 จุด + เครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง ควรใช้ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ขนาด 300 วัตต์
จะสังเกตได้ว่าในส่วนของการคำนวณนั้นมีการนำ “การใช้น้ำพร้อมกัน” เข้ามาคิดด้วย เนื่องจากการเปิดน้ำนั้น ยิ่งมากจุดยิ่งมีโอกาสทำให้น้ำไหลอ่อนหากปั๊มน้ำอัตโนมัติแรงไม่พอ ปัจจัยนี้จึงเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่คนเลือกปั๊มใหม่ๆ ห้ามลืม

3. ตำแหน่งการติดตั้งปั๊มน้ำอัตโนมัติ

ควรติดตั้งปั๊มน้ำอัตโนมัติให้ห่างจากจุดที่ผู้คนอยู่อาศัยระดับหนึ่ง เนื่องจากปั๊มน้ำอัตโนมัติบางรุ่นนั้นมีเสียงดัง อาจก่อให้เกิดเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันได้
ควรติดตั้งปั๊มในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการติดตั้งปั๊มกลางแจ้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน การเจอแดด ฝน และสิ่งแวดล้อมต่างๆ อาจทำให้เกิดความชื้นในปั๊ม ชิ้นส่วนในปั๊มสึกหรอได้ง่าย
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดตั้งปั๊มภายนอกบ้าน ควรมีการทำหลังคาครอบปั๊มไว้อีก 1 ชั้น เพื่อลดการสัมผัสน้ำฝน แสงแดดและความชื้นของปั๊มน้ำอัตโนมัติ

4. วัสดุของปั๊มน้ำอัตโนมัติ

ปั๊มน้ำอัตโนมัติมีวัสดุที่หลากหลายและมีการแบ่งเกรดแตกต่างกันออกไป เช่น พลาสติก เหล็ก สแตนเลส และมีส่วนประกอบอื่นๆ ตามความซับซ้อนของปั๊มน้ำชนิดนั้นๆ

5. เทคโนโลยีที่ใช้ในปั๊มน้ำอัตโนมัติ

ถ้าคุณต้องการปั๊มน้ำอัตโนมัติดีๆ ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วล่ะก็ เทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน รวมถึงประสบการณ์ในการใช้งานปั๊มน้ำของคุณดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

ระบบควบคุมภายในปั๊มน้ำอัตโนมัติที่ทำให้ปั๊มคงที่
เทคโนโลยีที่ช่วยให้เสียงจากปั๊มน้ำอัตโนมัติเบาลง
ระบบป้องกันมอเตอร์ร้อนเกินขนาด
อุปกรณ์ป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้าปั๊ม
ระบบป้องกันความเสียหายต่างๆ ทั้งจากน้ำแห้ง น้ำซึม
การซื้อปั๊มที่มีระบบเหล่านี้อยู่ภายในจะช่วยให้คุณประหยัดงบประมาณในการจัดการปั๊มน้ำอัตโนมัติระยะยาว และมีการใช้น้ำที่ลื่นไหล ไม่ติดขัด น้ำไม่อ่อน ไหลแรงตามต้องการอีกด้วย

นอกเหนือจาก 5 ปัจจัยหลักที่เกี่ยวกับปั๊มน้ำอัตโนมัติแล้ว ยังมีปัจจัยรองอื่นๆ ที่อาจต้องนำมาคิดคำนวณในการเลือกซื้อเช่นกัน เช่น ดีไซน์ของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีความเข้ากันกับบ้านหรือไม่ บางบ้านอาจตกแต่งแบบมินิมอล แต่ใช้ปั๊มสีสดอาจดูแปลกตาเกินไป เป็นต้น